Review - HUAWEI Mate View GT Gaming Monitor

ห่างหายไปนานแต่เราก็ยังมีรีวิวให้อ่านครับ ครั้งนี้เป็นรีวิว Gaming Monitor จากทาง Huawei ครับ ซึ่ง ต้องบอกว่าได้รับมานานแล้วตั้งแต่เปิดตัวซึ่งก็หาจังหวะมาเขียนรีวิวให้ลงตัวได้ก็ช่วงเดือนนี้ล่ะครับ เอาว่าลองไปชมกันดูครับ ภาพทั้งหมดที่ถ่ายมาจะอธิบายเรื่อย ๆ ทั้งหมด 58 ภาพ ก็นับว่าเยอะเพราะเป็นจอ Monitor Gaming ที่มีลูกเล่นกับการนำไปใช้งานที่หลากหลายมากกับ Feature ที่เยอะดีจริง ๆ 

ข้อมูลทั่วไปของ Huawei MateView GT Gaming Monitor

https://consumer.huawei.com/th/monitors/mateview-gt/specs/



สำหรับ Huawei อย่างที่ทราบปีนี้เปิดสินค้ามาฝั่ง Desktop PC หลายตัวเลยซึ่งหนึ่งในนั้นก็มี Monitor สำหรับสายงานที่ต่างกันไปครับอย่างที่ได้มารีวิวก็เป็นรุ่นสำหรับสาย Gaming โดยเฉพาะแต่ก็สามารถนำไปใช้งานทั่วไปได้เช่นกัน


ตัวจอ Huawei MateView GT จะเป็น Panel แบบ Ultra WQHD 3K ความละเอียดแสดงผลภาพอยู่ที่ 3440x1440p 21:9 




ตัว Panel เป็น Curved ระยะการมองเห็นภาพอยู่ที่ 1500R แบบมุมมองกว้าง ในรูปแบบจอโค้งและให้ค่า Refresh Rate Hz อยู่ที่ 165Hz ครับ


มาดูด้านหลังตัวจอกันบ้างอย่างที่ทราบจอ HUAWEI MateView GT เป็นจอ Monitor ที่แหวกแนวมากคือจะมี Connector ไว้เชื่อมต่อกับฐานจอที่เป็น SoundBar ที่มีมาให้ในตัว 

แต่ถ้าใครอยากใช้ Monitor Arm VESA 100x100 ก็สามารถใช้งานได้เช่นกัน ซึ่งก็อาจจะต้องหาตัวที่รองรับกับขนาดและน้ำหนักตัวจอของ Huawei MateView GT ด้วยล่ะครับ  ในภาพทดลองต่อ Monitor Arm แต่ผมลืมดูไปว่าเอ้ยรองรับแค่ขนาด 32 นิ้วและน้ำหนักที่ตัว Monitor Arm ไม่สามารถรองรับได้แต่ก็รู้ได้ว่าสามารถประกอบเข้ากับ Monitor Arm ได้ แต่ก็ต้องเสียในส่วนของการใช้งาน SoundBar ออกไป

อันนี้เป็นมมุมองเมื่อประกอบตัวฐาน Monitor ที่มี SoundBar ติดมาในตัว ซึ่งตัวฐานก็ได้รับการออกแบบมาดีให้รับกับน้ำหนักตัว Monitor เอง

จุดนึงที่ทำให้ตัว SoundBar ทำงานได้ก็คือด้านหลังตัวจอ Huawei MateView GT นั้นมี Connector อยู่นั้นเองครับ


ซื้อตัว Connector นี้เมื่อประกอบเข้ากับฐานจอแบบในภาพเราก็สามารถควบคุมการทำงานของลำโพง SoundBar ได้นั้นเอง

ลำโพง SoundBar ขนาดกำลังขับ 5W x2 มาพร้อมไฟแสดงสถานะ LED ซึ่งเราสามารถกำหนดสั่งเปิด-ปิด หรือเปลี่ยนสีไฟ LED ได้ด้วยนะผ่านเมนูควบคุมการทำงานของตัวจอผ่านเมนู Gaming Vision > เอฟเฟ็กค์แสง ซึ่งเราสามารถตั้งค่าการแสดงผลได้หลายแบบหรือสั่งปิดก็ได้หากรบกวนสายตาครับ อีกข้อตัวแถบแสดงผลไฟ RGB บนตัว SoundBar เป็นระบบทัชด้วย ซึ่งเอาไว้สไลด์เพิ่ม ลดเสียง หรือปิดเสียงได้



ซึ่งตัว SoundBar ที่ติดตั้งมาในตัวนั้นเราสามารถปรับโหมดให้เข้ากับการใช้งานได้ซึ่งจะเหมือนกับปรับ Auto Equalizer Audio ให้นั้นเอง ถ้ามองดี ๆ ก็คล้าย ๆ กับที่มีอยู่ใน Smart TV หลายยี่ห้อครับที่สามารถเลือกโหมดการขับของรูปแบบเสียงให้มีโทนที่เข้ากับบรรยากาศต่าง ๆ เช่นการเล่นเกมหรือการรับชมภาพยนตร์ หรือการฟังเพลง แต่สำหรับ Huawei MateView GT จะมีโหมดการโทรเข้ามาด้วย

ซึ่งจะมีไมค์ Built-In มาให้ในตัวจอภาพนั้นเองเหมาะกับยุค WFH ที่หลายคนทำงานอยู่กับบ้านและต้องเข้าประชุมออนไลน์ ขาดแต่จอรุ่นนี้มีไม่กล้อง Web Cam มาให้ ถ้ามีล่ะก็ราคาคงเขยิบมากกว่า 17,990 บาท เป็นแน่

ฟังเสียงทดสอบที่บันทึกจากไมค์ Built-In ของ Huawei MateView GT



มาดูในส่วนของ Panel การเชื่อมต่อโดยตัว Huawei MateView GT จะมีจุดเด่นเรื่องการเชื่อมต่อแบบ USB-C DisplayPort (DP Alt Mode) หรือก็คือ Display Port แบบ USB Type C นั้นเอง และมีช่องเสียบ HDMI x2 / Display Port x1 / USB Type C x1 / Power USB C x1 (ต่อจาก Adapter ของตัวจอ) / Audio 3.5mm x1 เผื่อเอาไว้สำหรับคนที่ใช้ Monitor Arm ประกอบแทนที่ฐานวางจอที่มี SoundBar นั้นเองครับ


อีกจุดไอเดียที่ผมชอบคือฝาปิด Panel หลังจอออกแบบมาโดยเป็นแถบแม่เหล็กทำให้เราไม่ต้องออกแรงงัดฝาเพื่อปิดหลังจอ Monitor ตรงแถบ Panel




มีสาย USB Type C แถมมาให้ และมีสาย Display Port แถมมาให้ด้วยครับ ซึ่งในรีวิวนี้ผมอยากเน้นในส่วนของการเชื่อมต่อ USB Type C กับตัว Notebook ที่สามารถต่อเป็น USB-C DisplayPort (DP Alt Mode) ได้ซึ่งคิดว่าต่อไปในอนาคตเราคงได้ใช้งานมากกว่าการเชื่อมต่อผ่าน HDMI หรือ Display Port ได้นั้นเอง

Adapter จอ Monitor มาเป็นแบบ USB Type C 



Feature หลักของตัวจอ Monitor Huawei MateView GT ก็คือการที่เป็นจอ Gaming Monitor และมี Feature ที่มาครบครัน

อย่างเช่นสามารถตัวเปิดการทำงานของการแสดงผล OSD แสดงค่า Frame per second (Hz) ไว้บนหน้าจอได้

หรือกระทั่งสำหรับ Gamer สายเล่นเกม FPS อันนี้น่าจะคลิกกันกับการใช้งานคือมี ศูนย์ช่วยเล็งยิงโดยมี Pattern รูปแบบของศูนย์ช่วยเล็งยิงมาให้เลือกใช้งานถึง 5 รูปแบบ


ในแง่การแสดงผลเรื่องสีทาง Huawei ได้เคลมเอาไว้ว่าตัว Huawei MateView GT นั้นสามารถแสดงผลค่าสี sRGB 100% และ Color Space 90% DCI-P3 และความแม่นยำเรื่องสีในมาตรฐานค่าเฉลี่ยของสี ΔE < 2* 
ด้านมุมมองอันนี้ต้องขอบอกก่อนว่าด้วยความที่เป็นจอโค้ง Curved เรื่องแสงการแสดงผลอาจจะบิดหรือการเกลี่ยแสงแสดงผลอาจจะเหลื่อมไปบ้างแต่สีสันยังสดใสปกติ ส่วนค่าแสงตัวจอ Huawei MateView GT มีค่าแสงสว่างอยู่ที่ 350Nits จัดว่าสว่างสูงซึ่งค่าความสว่างระดับนี้เหมาะกับการใช้งานเล่นเกมหรือรับชมภาพยนต์ครับ แต่เราสามารถปรับลดค่าแสง Brightness ได้เองตามใจชอบเช่นกัน 
ด้วยความที่เป็นจอโค้ง อย่างที่ทราบหลายคนไม่ชินตา แต่ถ้านั่งใช้งานไปสักระยะ จะรู้สึกสบายตากว่าการใช้งานจอแบบ Flat Panes จะทั้ง VA Flat หรือ IPS Panel ก็ตามซึ่งจุดนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ด้วยว่าชอบหรือถนัดกับจอโค้งหรือไม่ อันเป็นตัวตัดสินใจในการซื้อมาใช้งาน
การใช้งานจริงอย่างในภาพเป็นการเชื่อมต่อจาก Notebook ASUS ROG Strix G15 ซึ่งรองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB-C DisplayPort (DP Alt Mode)
ด้วยความที่เป็นจอแบบ Ultrawide Screen การใช้งานที่สะดวกสุดต้องยกให้นำมาใช้งานตัดต่อ VDO ซึ่งผู้ใช้งานจะได้ประโยชน์ในแง่มุมมองของภาพที่กว้างได้พื้นที่ Work Space บนหน้าจอที่ทำให้สามารถลาก Preview ดู Time Line VDO ได้มากขึ้น
กรณีถ้าหากเราเชื่อมต่อจอ Monitor ผ่าน USB-C DisplayPort (DP Alt Mode) เป็นจอที่ 2 แบบในภาพ ค่า Hz จะถูกดร๊อปลงเหลือ 100Hz ซึ่งถ้ามว่าเพียงพอต่อการใช้งานหรือไม่ ตอบได้ว่าพอครับถ้าใช้งานทั่วไป หรือเล่นเกมที่ตัวเกมเอง Fix ค่า Frame Rate แค่ 60Hz เป็นต้น
อย่างไรก็ดีถ้าเราใช้ต่อผ่านสาย HDMI หรือ Display Port ก็ยังได้ 165Hz ซึ่งน่าจะตอบโจทย์คนที่ต้องการ Hz เต็มได้ดีกว่าการเชื่อมต่อผ่าน USB-C DisplayPort (DP Alt Mode) 



โหมดเด็ดสำหรับคนชอบเล่นเกม ก็คือ Gaming Vision ที่เป็น Feature และมีรูปแบบการแสดงผลให้เลือก 3 ระดับ โดยที่เราสามารถเลือกได้ตามการแสดงผลที่ชอบเล่น ระดับ 0 ตัวแสงสีจะไม่เข้มจัด

 ซึ่งการแสดผลสีและแสงของภาพก็จะเป็นไปตามอัตโนมัติเมื่อเราเลือกโหมดระดับการแสดงผลภาพตามคำสั่งที่ตัวจอ Monitor จะขับออกมา



ด้านความคมของภาพจัดว่าตัว Pixel pitch อยู่ 0.232 mm   และค่า PPI อยู่ที่ 109 PPI (Pixel Per Inch) ทำให้ภาพและตัวอักษรที่แสงผลยังคมอยู่

ในเมื่อช่อง HDMI ว่าง อีกอย่างนึงที่น่าสนใจเอามาทำต่อ Mi Box S ไว้ดูหนังผ่าน Netflix 
ซึ่งก็สามารถต่อได้เลยโดยเสียงที่ได้ก็ไปออกตรง SoundBar ของตัวจอ Huawei MateView GT นั้นเองครับ
แต่ผลลัพธ์ที่ได้ถ้าใครคาดหวังว่าเชื่อมต่อแล้วจะได้ภาพเต็มจอ ก็คิดผิดถนัดครับเพราะจะได้การแสดงผลกับหน้าจอที่เพียง 1080p @60Hz เท่านั้น
รีเช็คได้กับการตรวจการตั้งค่าขนาดการแสดงผล
สิ่งที่เกิดขึ้นคือภาพที่แสดงผลจะอยู่ตรงกลางของจอ Monitor
อาจจะทำให้คนที่คิดว่าซื้อไปต่อกับกล่อง Android TV อาจจะต้องคิดใหม่ก็ได้ครับถ้าคาดหวังว่าต่อได้เต็มสเกลของตัวจอ Monitor

อีกจุดนึงที่คิดว่าเป็น Feature น่าสนใจคือตอนเราปิดจอ Monitor ไปแล้วแต่ยังมีไฟเลี้ยงอยู่ซึ่งตัวจอ Huawei MateView GT จะมีไฟ LED เล็ก ๆ อยู่ใต้จอเพื่อช่วยให้เราหาปุ่มเปิดได้ง่ายนั้นเองในกรณีเราปิดไฟห้องไปแล้วนะ


ลองเอามาจัดโต๊ะเข้าเซ็ตดู



-Verdict-


ภาพรวม - สำหรับคนที่กำลังหาจอ Monitor ประเภท Gaming Monitor Ultrawide Curved 34 นิ้วกับอัตรการแสดงผล 21:9 ที่ 3440x1440p ตัว Huawei MateView GT จัดเป็นตัวเลือกที่น่าเข้าในลิสต์ไว้พิจารณาอีกตัวครับ ถึงจะไม่ใช่จอตัวจบสุดที่จะสามารถตอบโจทย์หลาย ๆ คนได้ก็ตามโดยเฉพาะเรื่องการคาดหวังว่าจะเอามาใช้ทำงานกราฟิกแบบมันเกลี่ยการแสดงผลได้ทั่วทุกมุมมองบนตัวจอทั้งตัวสีและแสงอันนี้คงต้องดูว่าทาง Huawei จะมีรุ่นแก้มือมาในรุ่นถัดไปหรือไม่ 

ส่วนเรื่องลำโพงอยากให้ลองดูครับเท่าที่ผมลองเองต้องบอกว่าต้องใช้การปรับคำสั่ง EQ เสียงให้ตรงกับสิ่งที่เราจะเล่นด้วยถึงจะได้อรรถรสที่ใช่ ลองรับชมคลิปได้ครับใช้ Samsung Galaxy S20fe อัดมาไม่ได้ปรับแต่งใด ๆ 



ถ้าดูจากหลาย ๆ อย่างประกอบผมคิดว่าตัวจอ Monitor Huawei MateView GT น่าจะเหมาะไปทางการใช้งานแบบครอบคลุมทุกความต้องการอยู่ครับแต่ส่วนใหญ่จะหนักไปทาง Entertainment ด้านภาพ VDO ทั้งดูหนัง ฟังเพลง เล่นแน่นอนด้าน Gaming ซะมากกว่าใช้สำหรับงานทำภาพกราฟิกที่ต้องการความแม่นยำการมองเห็นภาพแบบไม่มีเหลื่อมเพื่อป้องกันข้อผิดพลาดในการทำงานส่งนั้นเองครับ แต่ถ้าหากใครคิดว่าสอยจอมาใช้ทำงานกราฟิกพื้น ๆ ก็ยังพอรับได้อยู่แต่ไม่ได้ดีที่สุดนะ ก็ต้องพิจารณาให้ดีก่อนจะกดซื้อครับ เนื่องจากปีนี้เองจอ Monitor ประเภท Ultrawide Quad 2K , 3K ออกมาให้เลือกกันเยอะมากขึ้นด้วยนั้นเอง

ขอขอบคุณ Huawei Thailand เอื้อเฟื้ออุปกรณ์รีวิวครั้งนี้ครับ


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น